
(Croatia) จุดหมายปลายที่ต้องสัมผัสด้วยตนเอง
เที่ยวโครเอเชีย ที่ไหนได้บ้าง ?
Croatia เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางด้านธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย และยังมีความอุดมสมบูรณ์ในหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นทางด้านวัฒนธรรม สังคมที่สอดคล้องกันอย่างลงตัว โครเอเชียนั้น อยู่ในภูมิภาคยุโรป ซึ่งมีลักษณะของประเทศนั้นเป็นรูปเสี้ยววงเดือน เกือกม้า หรือม้าน้ำหันหน้าสู่ทะเล แล้วแต่ใครจะจินตนาการ
จึงทำให้ประเทศนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และเมื่อ 25 ปีก่อนประเทศนี้ได้เป็นอิสระจากประเทศยูโกสลาเวีย จึงทำให้ที่นี่มีความโดดเด่นของทางด้านสองวัฒนธรรมที่ทำให้ มีกลิ่นอายของยุคกรีกและโรมันที่ทำให้ที่นี่โดดเด่นจนถูกขนานนามว่าเป็นไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก ข้อมูลเพียงแค่นี้ก็ทำให้เราทีมงานถึงกับอยากจะไปที่แห่งนี้เพื่อจะได้เห็นความงดงามด้วยตัวของเราเอง
4 วันของการเดินทางไปโครเอเชีย (Croatia)
ในวันที่ 1 ของการเดินทาง ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการจัดเตรียมเอกสารและข้อมูลในการเดินทาง พร้อมทั้งดูเที่ยวบินที่จะไปในเมืองส่วนใหญ่ที่อยู่ในแถบยุโรป เพราะข้อมูลที่ได้หามานั้นมีมากมาย นอกเหนือจากนั้นสายการบินที่จะไปในเส้นทางเมืองใหญ่ในยุโรปก็มีให้เลือกเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เราต้องอาศัยคำแนะนำและข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด และเราเรียกการเดินทาง ไปที่กรุงเวียนนา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของออสเตรีย ในการแวะเปลี่ยนเที่ยวบินที่โดยสารมาจากกรุงเทพฯ
วันที่ 2 ของการเดินทาง เมื่อเราได้เดินทางมาถึงกรุงเวียนนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เปลี่ยนเครื่อง พร้อมที่จะเดินทางไปยังเมือซาเกร็บ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของโครเอเชีย เราได้นั่งโดยสารเครื่องบินใช้ระยะเวลาประมาณชั่วโมงก็มาถึง และสถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นเมืองหลวงของโครเอเชีย ที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยาวนาน และสถานที่แรกที่เราจะพาไปท่องเที่ยวและก็คือ ตลาดใจกลางเมืองเพราะที่นี่มีประวัติอันยาวนานเป็นอย่างมากโดยเฉพาะตลาดแห่งนี้สถานที่แห่งนี้เป็นที่จับจ่ายใช้สอยและซื้อหาอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของคนซาเกร็บ
เที่ยว ภูเขาเมดเวดนิกา (Medvednica)
สิ่งที่นอกเหนือความคาดหมาย นั่นก็คือ สถานที่ตั้งของเมืองแห่งนี้มีทำเลที่สวยงามเนื่องจากอยู่ใกล้กับภูเขา เป็นฉากหลังที่ภูเขาลูกนี้ มีชื่อว่าภูเขาเมดเวดนิกา (Medvednica) ทำให้เมืองแห่งนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามและยังมีแม่น้ำหลักที่คอยเหยียบหล่อเลี้ยงชีวิต
ยังเป็นแม่น้ำที่ไว้ใช้สำหรับการแบ่งอาณาเขต ชื่อของแม่น้ำแห่งนี้ก็คือซาวา (Sava) ที่ทอดตัวยาวผ่านกลางเมืองที่สวยงามแห่งนี้และนอกเหนือจากสถานที่ ที่เราประทับใจก็ยังมีการเดินทางที่ทำให้เราต้องตื่นเต้น รถไฟฟ้าประจำเมืองที่สามารถเดินทางข้ามผ่านแม่น้ำแห่งนี้ได้ แล้วจะเดินทาง ผ่านตลาดที่มีความคึกคักแห่งนี้ เดินไปสักครู่ก็พบกับอาหารและของใช้มากมายจึงเดินช้อปปิ้ง
อย่างเพลิดเพลิน จนรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่สถานีที่เป็นจุดรอรถ ที่ไม่ห่างไกลกันมากนะประมาณ 10 นาที เรือข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งของยุคเมืองเก่าในสมัยก่อนที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เรากำลังมองหา
ท่องเที่ยวดินแดนมหัศจรรย์โคเอเชียตอนที่ 2
เมื่อเราได้เดินทางข้ามฟ้าด้วยรถไฟฟ้าข้ามไปสู่เมืองอีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ของแม่น้ำซาวา แล้วก็จะพบกับเหมืองเก่าในฝั่งนี้จะเป็นพื้นที่อนุรักษ์ความเก่าแก่ของเหมืองหินไว้ และยังมีโบสถ์เล็ก ๆ ที่ตั้งทหารและมีความสวยงามนั้นก็คือ มีคิวต่อกันในการควงคู่แต่งงานจองกันข้ามปี และนอกเหนือจากที่เราคิดว่าจะหาชมแบบปรกติ ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวการอกหักอย่างมากมายพร้อมทั้ง ข้าวของของคนที่รักกันและเคยใช้แล้วต้องหย่าร้างกันไป ซึ่งดูแล้วเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แปลกมากอีกแห่งหนึ่ง เห็นแบบนี้แล้ว เราก็อดใจไม่ไหวจะต้องขอไปเยี่ยมชมภายในบ้าง
โบสถ์เซนต์แมรี
แต่สำหรับท่านใดที่ไม่ค่อยจะชื่นชอบเรื่องรักๆ มากนัก ก็ขอให้พักเรื่องนี้ไว้เสียก่อน แล้วเราก็ค่อยออกเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ซึ่งเป็นโบสถ์เซนต์แมรีที่สวยงามที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองและอยู่ใกล้กับอาคารรัฐสภา เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ที่ตั้งแต่งานอวดโฉมความสวยงามอันเก่าแก่และถูกขนานนามว่าเป็นสิ่งที่สวยงาม เพราะว่าที่ถูกก่อสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยยุคช่วงเผ่าโครแอท
ประตูเมืองเก่า Gradec
และนอกเหนือจากนั้นจุดนี้ยังเป็นที่ถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนที่แวะเวียนมาท่องเที่ยวสถานที่แห่งนี้ เมื่อเราถ่ายภาพจนเป็นที่พอใจแล้วก็ได้ออกเดินทางไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
ที่แห่งนั้นก็คือ ประตูเมืองเก่า Gradec ชื่อ Stone Gate หรือ Kamenita Vrata สถานที่แห่งนี้มีเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ และปาฏิหาริย์ของพระแม่มารี ที่อยู่ในโบสถ์แห่งนี้มาอย่างช้านาน คนในพื้นที่ได้เคยเล่าให้คณะทัวร์และหัวหน้าทีมงานการท่องเที่ยวฟังว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
และเมื่อก่อนเคยเกิดไฟไหม้ และมีความเสียหายหนักมากในศตวรรษที่ 17 เสียงชาวบ้านคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเหลืออยู่ในโบสถ์แห่งนี้ แต่ก็เกิดเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นเนื่องจากรูปภาพและข้าวของเครื่องใช้ของพระแม่มารีที่อยู่ในโบสถ์แห่งนี้ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย และรอดพ้นจากการเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่จึงได้นำภาพของพระแม่ศักดิ์สิทธิ์
นำมาเก็บไว้ที่อาคารริมทางเดินของเมืองด้านบน ซึ่งชาวบ้านที่นี่ได้มาสักการะและขอพรเพื่อจะทำตามความต้องการให้สำเร็จ เมื่อขอพรสำเร็จแล้วชาวบ้านที่สมหวังก็จะทำป้ายแกะสลักจากไม้เพื่อแสดงการขอบคุณ และแผ่นป้ายเหล่านั้นจะถูกแกะสลักเป็นภาษาโครแอท ซึ่งแปลว่าขอบคุณ แล้วนำมาติดไว้แห่งนี้เป็นจำนวนมากจึงมีนักท่องเที่ยวชื่นชอบในการเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกอย่างมากมาย
การท่องเที่ยวโครเอเชียในครั้งนี้ยังมีความตื่นเต้นทางด้านการผจญภัยมากมาย
โนวิ วิโนโดลสกี (Novi Vinodolski) ไข่มุกแห่งโครเอเชีย
ที่พักในโครเอเชียApartment โนวิ วิโนโดลสกี (Novi Vinodolski)
เมืองแห่งนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ติดกับริมทะเล ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการมาท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ตอนที่เรามาถึงเมื่อเป็นตอนเย็นพอดีเราจึงได้ชื่อชมพระอาทิตย์ยามเย็นที่ทะเล เป็นภาพที่สวยงามจริง ๆ นอกเหนือจากนั้นยังเป็นสถานที่และเส้นทางการเดินเรือ เพราะฉะนั้นแล้วสถานที่เมืองนี้จึงมีวัฒนธรรมที่หลากหลายและประวัติความเป็นมาที่หลากหลายเชื้อชาติได้เข้ามาเยี่ยมเยียน
ชายหาดแห่งนี้อยู่กับทะเลเอดรียติกอันสวยงาม เมื่อเราเดินทางมาถึงตอนช่วงเย็นแล้วก็ควรจะมองหาที่พักเป็นคืนแรกที่ได้พักผ่อนอยู่ที่โครเอเชีย ถ้าหากว่าจะสอบถามเรื่องที่พักในเมืองแห่งนี้ก็คงจะต้องบอกว่ามีที่พักให้คุณเลือกอย่างมากมายและราคาก็หลายระดับ แต่ที่เราเลือกแล้วขอเลือกที่พักแบบปกติแต่มีทิวทัศน์ที่สวยงามและสามารถมองเห็นทะเลยามเช้าได้ มีราคาค่าใช้จ่ายในการพักอาศัยอยู่ที่แพงพอสมควรก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่นะเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว
เช้าวันที่ 3 ในการท่องเที่ยวโครเอเชีย ตื่นขึ้นมาด้วยเช้าอันสดใสแล้วรับประทานอาหารเช้าก่อนที่จะออกไปเดินทางท่องเที่ยว เพื่อจะค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ที่เมืองแห่งนี้โนวิ วิโนโดลสกี ลมทะเลยามเช้าที่เป็นบรรยากาศที่สดชื่น พร้อมทั้งยังมีสายฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อยทำให้สถานที่รอบรอบบริเวณนั้นดูชุ่มฉ่ำ ช่างเป็นเช้าวันใหม่ที่แสนจะสดใสเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้
เมืองพูล่า – Croatia และที่พักในเมือง
เราก็ได้ออกเดินทางไปอีกเมืองนี้ก็คือเมืองพูลา (Pula) จึงสามารถหาเส้นทางลัดเลาะไปตามริมชายหาดทะเลสีฟ้าที่มีถนนตัดผ่านทอดยาวไปเดินชายหาดได้ เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ในเมืองพูลา (Pula) มีดีกรีเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เก่าแก่และมีสถาปัตยกรรม และโบราณสถานอยู่ในยุคต้น ก็คือสถานที่แข่งกีฬา กลางแจ้งที่ทุกคนแถวนี้เรียกกันว่าArena หรือ Amphitheatre
ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ถูกก่อสร้างขึ้นมาด้วยอิฐสีขาว และนอกเหนือจากนั้นยังมีลานกว้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง เพื่อให้นักกีฬาหรือผู้ที่ลงมาแข่งขันนั้นได้แสดงความสามารถกัน และนอกเหนือจากนั้นสถานที่แห่งนี้ยังสามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 20000 คนเรียกได้ว่าเป็นสนามกีฬาในยุคแรกๆที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา และเมื่อออกจาก Arena กลับบ้านแล้ว
ก็ออกไปเดินทัวร์รอบรอบเมือง โนวิ วิโนโดลสกี เมืองแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตสินค้าขึ้นชื่อหลากหลายประเภท อาทิเช่น ไวน์และน้ำมันมะกอก สามารถส่งออกไปต่างประเทศ และยังเป็นสถานที่ผลิตเครื่องบดหินอีกชื่อหนึ่งที่มีสินค้าคุณภาพที่ให้การยอมรับของผู้ที่ต้องการใช้งาน แต่ไม่ขอแนะนำให้ซื้อกลับมาเป็นของฝาก เพราะมันหนักมาก
และบรรยากาศรอบรอบบริเวณเหมืองหิน ก็ยังมีสถานที่ที่สามารถพักผ่อนหย่อนใจและเลือกซื้อของฝากได้อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก และร้านขายเสื้อผ้าดีไซน์เก๋ก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราสามารถพบเห็นได้ และยังมีน้ำตามชายหาดที่เราสามารถพบเห็นได้ที่เมืองนี้ที่สร้างบรรยากาศที่สุดแสนประทับใจให้กับคุณ
ท่อง เที่ยวโครเอเชีย เมือง โนวิ วิโนโดลสกี (Novi Vinodolski)
วันที่ 4 การท่องเที่ยวในครั้งนี้ เป็นเส้นทางที่สวยงามและประทับใจในการเดินทาง จากการชื่นชม สถาปัตยกรรมแล้วก็ได้เดินทางไปตาม สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และย่านการค้าที่ให้เดินชมและเลือกซื้อสินค้าได้อย่างมากมาย
สิ่งที่สังเกตเห็นในเมืองแห่งนี้นั้นก็คือถนนและเส้นทางการเดินไปด้วยหินสีขาว ๆ ซึ่งแตกต่างกว่าสถานที่ ที่ปลูกสร้างด้วยมีความสอดคล้องกันของสถาปัตยกรรมเก่าปรับงานก่อสร้างรูปแบบใหม่ ๆ ได้อย่างลงตัว
โบสถ์ Church of St.Euphemia
และเราจะเดินทางไปที่โบสถ์อีกแห่งหนึ่งที่เรื่องเล่าและความงดงามมาอย่างช้านาน ที่แห่งนั้นก็คือโบสถ์ Church of St.Euphemia สไตล์บารอกหันหน้าออกสู่ทะเลเอเดรียติก และโบสถ์แห่งนี้ยังถูกตั้งชื่อตามนักบวชที่เป็นนักบุญในยุคสมัยนั้นซึ่งเป็นคนสำคัญ St.Euphemia ที่ได้ถือกำเนิดเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้ว
มีเรื่องเล่ากันอย่างช้านานว่า หญิงสาวผู้หนึ่งที่มีความเชื่อมั่นและศรัทธาอันแรงกล้า และจะถูกฆ่าโดยสิงโต แต่สิงโตเหล่านั้นกลับไม่ทำร้ายเธอแม้แต่น้อย สิงโตเหล่านั้นเพียงแค่เฝ้าดูเธอ แต่หลังจากที่ถูกประหารด้วยการตัดแขนแล้วโยนลงทะเล และเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์เมื่อลงของเธอได้ลอยกลับมาสู่ที่เดิมอีกเธอนั้นเฝ้าคอยอยู่ด้วยแรงศรัทธา
ซึ่งในปัจจุบันโรงศพของเธอนั้นได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์ แห่งนี้และเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี บนยอดหอคอยของโบสถ์ที่ความสูง 61 เมตร นอกเหนือจากหอระฆังแห่งนี้แล้วที่ได้เป็นที่ระลึกและอนุสรณ์ ก็ยังมีรูปปั้นของนักบุญผู้ที่ปกป้องคุ้มครองเมืองด้วยตั้งอยู่ที่ชายหาดริมโบสถ์ที่หันหน้าออกทะเลนั่นเอง
เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่สุดแสนประทับใจพร้อมกับความมหัศจรรย์ของที่มาที่ไปของโบสถ์แห่งนี้แล้วเราก็ได้เวลาพักผ่อนส่วนตัว แถวนี้มีร้านค้าและร้านอาหารมากมายที่เราสามารถเดินเลือกชมสินค้าและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยได้ก็คือภาพประทับใจของบรรดาเพื่อน ๆ
ที่ได้ไปท่องเที่ยวด้วยกันครั้งนี้ ซึ่งสิ่งที่เราได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่โครเอเชียครั้งนี้นับได้ว่าไม่ผิดหวังกับความสวยงามที่เคยกล่าวมา และก่อนที่เราจะเดินทางกลับที่พักก็เดินและผ่านด้านการค้าในช่วงตอนกลางคืนที่นี่ก็เป็นอีกมุมนึงที่มีอยู่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบยามราตรี
และค่ำคืนที่โครเอเชีย เราก็ได้เดินทางถึงโรงแรม ซิ่งตอนเช้าก็ถึงเวลาเดินทางกลับประเทศซึ่งการเดินทางครั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ให้ข้อมูลการเดินทาง และเรื่องราวบอกเล่าจากคนท้องถิ่นที่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวโครเอเชียในครั้งนี้ ดูตื่นเต้นและเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก